ความรู้เรื่องจิตเวช (10 ส.ค. 59)
โรคจิตเวชคืออะไร?
โรคจิตเวช คือ กลุ่มอาการทางจิตใจหรือพฤติกรรมที่ทำให้บุคคลนั้นเกิดความทุกข์ทรมาน หรือมีความบกพร่องในกิจวัตรต่างๆ
โรคจิตเวชแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท โดยถือเอาสาเหตุและอาการเป็นตัวกำหนดโรคนั้นๆ
โรคจิตเวชที่พบบ่อยๆ ได้แก่
-
โรคจิตเภท (Schizophrenia)
-
โรคซึมเศร้า (Depression)
-
โรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar Disorder)
-
โรคกังวลไปทั่ว (Generalized Anxiety Disorder)
-
โรคออทิสซึ่ม (Autistic Disorder)
-
ความผิดปกติที่เกิดจากการใช้สารเสพติด (Substance-related Disorder)
-
โรคสมองเสื่อม (Dementia) ซึ่งแบ่งเป็นหลายชนิด เช่น อัลไซเมอร์ (Alzheimer’s Type)
สาเหตุทั่วไปของการเกิดโรคจิตเวช
ปัจจัยโน้มเอียงที่มีอยู่ก่อน
-
พันธุกรรม มักพบว่าญาติของผู้ที่ป่วยด้วยโรคจิตเวชหลายโรคมีโอกาสเป็นโรคสูงกว่าประชากรทั่วไป
-
พื้นอารมณ์ที่ติดตัวมาของบุคคล พื้นอารมณ์นี้จะมีผลต่อการแสดงออก ปฏิสัมพันธ์ และการรับรู้สิ่งรอบตัวของบุคคลนั้นๆ ซึ่งมีจะมีผลทางบวกหรือลบต่อสภาพจิตใจและบุคลิกภาพ
ปัจจัยที่เร่งให้เกิดอาการ
-
ความผิดปกติในการหลั่งสารเคมีในสมอง สมองเป็นอวัยวะที่สำคัญยิ่งของร่างกายมนุษย์ สมองมีระบบประสาทที่ใหญ่โตซับซ้อน ทำหน้าที่รับและสื่อสารข้อมูลชนิดต่างๆ รวมทั้งการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย สมองประกอบด้วยสารสื่อประสาทกว่า 100 ชนิด ที่คอยทำหน้าที่สื่อสารข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาทในส่วนต่างๆ เมื่อมีสารสื่อประสาทมากเกินไปหรือน้อยเกินไป ก็จะมีผลกระทบต่อเซลล์ประสาทในสมอง ทำให้การสื่อสารข้อมูลต่างๆ ถูกรบกวน ซึ่งมีผลทำให้เกิดปัญหาด้านจิตใจ อารมณ์ และร่างกาย
-
การที่สมองถูกทำลายและการทำงานของสมองเสื่อมถอย การบาดเจ็บที่สมอง เนื้องอกในสมอง และการติดเชื้อในสมองสามารถทำให้เกิดโรคจิตเวชได้ การกลายพันธุ์ของเซลล์สมองในคนชราสามารถทำให้การทำงานของสมองเสื่อมถอย ทำให้ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์
-
ความผิดปกติของการหลั่งฮอร์โมน สตรีบางคนจะมีอาการซึมเศร้าหลังการคลอดหรือก่อนมีประจำเดือน เนื่องจากในช่วงนี้การหลั่งฮอร์โมนจะผิดปกติ ฮอร์โมนบางประเภทมีผลต่อความสมดุลทางอารมณ์
-
ความเครียด ความเครียดและความวิตกกังวลมักจะเร่งให้เกิดอาการของโรคจิตเวช คนที่ไม่ยืดหยุ่นหรือเรียกร้องจากตนเองสูง (self-demanding) มักจะทำให้ตนเองต้องมีความกดดันที่ไม่จำเป็น นอกจากนี้ ความกดดันที่เกิดจากเหตุการณ์สำคัญในชีวิต เช่น การสูญเสียญาติ การว่างงาน ความแตกร้าวในชีวิตสมรส การเจ็บป่วยเรื้อรังและการเป็นหนี้ก็อาจเป็นตัวเร่งได้
ปัจจัยที่ทำให้อาการป่วยดำเนินต่อไป
-
ไม่ได้รับการบำบัดรักษาที่เหมาะสม โรคจิตเวชรักษาได้เช่นเดียวกับการป่วยเป็นโรคอื่นๆ และขอแนะนำให้รับการักษาตั้งแต่เริ่มป่วยในระยะแรกๆ แต่ผู้ที่ป่วยเป็นโรคจิตเวชและญาติมักไม่อยากยอมรับความจริงว่า บุคคลผู้เป็นที่รักเจ็บป่วยเป็นโรคนั้นๆ บางคนถึงหันไปใช้วิธีทางไสยศาสตร์เพื่อรักษาโรค ซึ่งเป็นผลทำให้ไปรับการรักษาโรคอย่างเหมาะสมล่าช้า บางคนที่ไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับยาที่ใช้รักษาทางจิตเวช มีความเชื่อผิดๆ ว่ายาเหล่านั้นเป็นผลเสียต่อร่างกาย และอาจทำให้ติดได้ พวกเขาจึงเลิกใช้ยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน ซึ่งมีผลให้ป่วยซ้ำ
-
บรรยากาศความตึงเครียด ความขัดแย้งในครอบครัว หรือการแสดงออกทางอารมณ์และการสื่อสารที่ไม่ดี ทุกสิ่งข้างต้นก็เป็นปัจจัยที่ทำให้อาการป่วยดำเนินต่อไป หรือรุนแรงขึ้นได้
การวินิจฉัยโรคจิตเวช
ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีข้อมูลว่าโรคจิตเวชมักเกิดจากความไม่สมดุลของการหลั่งสารสื่อประสาท แต่ยังไม่มีการทดสอบที่สามารถบ่งชี้ว่าสารสื่อประสาทตัวใดมีปัญหาหรือบอกปริมาณของสารสื่อประสาทชนิดนั้นๆ ให้แน่ชัดได้ จิตแพทย์วินิจฉัยโรคโดยอาศัยการสังเกตอาการของคนไข้ และการบอกเล่าอาการจากคนไข้และญาติเป็นพื้นฐาน
อย่างไรก็ตามในบางกรณี จะมีการแนะนำให้คนไข้ไปตรวจทางกายบางอย่างเพื่อที่จะวินิจฉัยโรคได้แม่นยำขึ้น เช่น การตรวจเลือดแยกแยะว่า ปัญหาต่อมไทรอยด์เป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการซึมเศร้าหรือไม่ การตรวจคลื่นสมอง สามารถช่วยระบุได้ว่าบุคคลนั้นป่วยเป็นโรคจิตเวชหรือโรคลมชัก และการถ่ายเอกซเรย์คอมพิวเตอร์จะสามารถช่วยบอกปัญหาได้ชัดเจนขึ้น เช่น เลือดออกในสมอง เนื้องอกหรือสมองฝ่อ
สรุป
โรคจิตเวช เหมือนโรคอื่นๆ ที่ต้องรักษา และสามารถรักษาให้หายได้ โรคจิตเวชไม่ใช่โรคติดต่อ แต่หากจัดการกับอารมณ์ในแง่ลบในทางที่ผิด ก็จะทำให้เราและผู้อยู่รอบข้างเราเครียดมากขึ้น ดังนั้น เราจึงควรรักษาจิตใจให้มีสุขภาพดี และเรียนรู้ที่จะผ่อนคลายและจัดการกับความเครียด การทำเช่นนี้จะลดโอกาสทีเราจะป่วยเป็นโรคจิตเวช
|